เมนู

[36] คำว่า เป็นปาราชิก ความว่า บุรุษถูกตัดศีรษะแล้ว ไม่อาจ
มีสรีระคุมกันนั้นเป็นอยู่ ชื่อแม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เสพเมถุนธรรม
แล้วย่อมไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร เพราะเหตุนั้นจึงตรัสว่า
เป็นปาราชิก.
[37] บทว่า หาสังวาสมิได้ ความว่า ที่ชื่อว่า สังวาส ได้แก่
กรรมที่พึงทำร่วมกัน อุเทศที่พึงสวดร่วมกัน ความเป็นผู้มีสิกขาเสมอกัน
นี้ชื่อว่า สังวาส สังวาสนั้นไม่มีร่วมกับภิกษุนั้น เพราะเหตุนั้นจึงตรัสว่า
หาสังวาสมิได้.

บทภาชนีย์ มรรคภาณวาร


[38] หญิง 3 จำพวก คือ มนุษย์ผู้หญิง 1 อมนุษย์ผู้หญิง 1
สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย 1
อุภโตพยัญชนก 3 จำพวก คือ มนุษย์อุภโตพยัญชนก 1 อมนุษย์
อุภโตพยัญชนก 1 สัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก 1
บัณเฑาะก์ 3 จำพวก คือ มนุษย์บัณเฑาะก์ 1 อมนุษย์บัณเฑาะก์ 1
สัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์ 1
ชาย 3 จำพวก คือ มนุษย์ผู้ชาย 1 อมนุษย์ผู้ชาย 1 สัตว์ดิรัจฉาน
ตัวผู้ 1

หญิง 3 จำพวก มีมรรคพวกละ 3 เป็น 9


1. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจวรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของมนุษย์ผู้หญิง ต้องอาบัติปาราชิก.

2. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของอมนุษย์ผู้หญิง ต้องอาบัติปาราชิก.
3. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก.

อุภโตพยัญชนก 3 จำพวก มีมรรคพวกละ 3 เป็น 9


1. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก.
2. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของอมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก.
3. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของสัตว์เดรัจฉานอุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก

บัณเฑาะก์ 3 จำพวก มีมรรคพวกละ 2 เป็น 6


1. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 2 คือ วัจจมรรค มุขมรรค ของ
มนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก.
2. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 2 คือ วัจจมรรค มุขมรรค ของ
อมนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก.
3. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 2 คือ วัจจมรรค มุขมรรค ของ
สัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก.

ชาย 3 จำพวก มีมรรคพวกละ 2 เป็น 6


1. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 2 คือ วัจจมรรค มุขมรรค ของ
มนุษย์ผู้ชาย ต้องอาบัติปาราชิก